นอกจากการคำนวณผลตอบแทนแล้ว การแทงบอลยังมีรูปแบบการเดิมพันที่ตอบสนองความต้องการและความเสี่ยงของนักเดิมพันในแต่ละระดับ ตัวอย่างแรกคือการเดิมพันแบบแฮนดิแคป ซึ่งในรูปแบบนี้ ทีมที่แข็งแกร่งจะถูกปรับคะแนนเพื่อให้การแข่งขันดูสมดุลมากขึ้น ผู้เดิมพันจะได้โอกาสที่ดีขึ้นในการทายผลแม้ว่าทีมโปรดจะมีความได้เปรียบในสนาม โดยทั่วไปแล้วอัตราต่อรองในการเดิมพันแฮนดิแคปจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการเดิมพันแบบเต็ง แต่ก็มีแนวโน้มให้ความน่าจะเป็นชนะสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเดิมพันทีมที่มีแฮนดิแคปที่อัตรา 1.80 แล้วทีมที่เลือกชนะโดยเกินแฮนดิแคป ผลตอบแทนจะเป็น 1,000 x 1.80 = 1,800 บาท ซึ่งหมายความว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 800 บาท
อีกหนึ่งรูปแบบที่เป็นที่นิยมคือ การเดิมพันแบบเต็ง (1X2) ซึ่งเป็นการทายผลแบบง่าย ๆ โดยเลือกทายผลว่าทีมใดจะชนะ, แพ้ หรือเสมอของการแข่งขัน รูปแบบนี้ได้รับความนิยมเพราะความง่ายในการทำความเข้าใจและคำนวณ โดยทั่วไปแล้วอัตราต่อรองจะแตกต่างกันไปตามความน่าจะเป็นของผลการแข่งขัน ทีมที่คาดว่าจะชนะได้ง่ายมักมีอัตราต่ำ แต่ถ้าทายถูกก็มีความน่าจะเป็นสูง ตัวอย่างเช่น หากคุณเดิมพัน 1,000 บาทที่อัตรา 2.20 ผลตอบแทนจะได้ 2,200 บาท และกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,200 บาท
อีกทั้งยังมีรูปแบบ การเดิมพันแบบสเต็ป (ชุด) ที่ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในครั้งเดียว โดยในรูปแบบนี้คุณจะเดิมพันหลายคู่ในบิลเดียว และผลตอบแทนของแต่ละคู่จะถูกคูณเข้าด้วยกัน แม้ว่าการแทงสเต็ปจะให้ผลตอบแทนที่สูงมากเมื่อทุกคู่ทายถูก แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเพราะหากมีคู่ใดคู่หนึ่งทายผิด คุณจะเสียเงินเดิมพันทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเดิมพัน 1,000 บาทในสเต็ป 3 คู่ที่อัตรา 1.90, 2.50 และ 2.00 ผลคูณจะเป็น 1.90 x 2.50 x 2.00 = 9.5 ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนจะเท่ากับ 1,000 x 9.5 = 9,500 บาท
